Japanese Carbonara (คาร์โบนาร่าญี่ปุ่น)

Print

ไม่ใช่คาร์โบนาร่า แต่ก็ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรดี เนื่องด้วยเนื้อสัมผัสของเมนูนี้ มีความคล้ายคาร์โบนาร่าบางสูตรที่ใส่ไข่แดงลงไปเพื่อให้ซอสจับติดเส้นเป็นลิ่มๆ แถมใส่มิโซลงไปด้วย สำหรับเส้น พลใช้ส่วนผสมคล้ายกับอูด้ง แต่ตัดเป็นเส้นที่เล็กกว่า ถ้าไม่มีเครื่องจะใช้ไม้คลึงแป้ง แล้วตัดเส้นใหญ่หน่อยก็ได้

ที่มา

พลพรรคนักปรุง 5 พฤศจิกายน 2553
สูตรโดย : พล ตัณฑเสถียร

ส่วนประกอบ


  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200กรัม

  • น้ำ90มิลลิลิตร

  • เกลือ1ช้อนโต๊ะ

  • ส่วนประกอบอื่นๆ

  • หมูสับ50กรัม

  • น้ำมันรำข้าว2ช้อนชา

  • หอมใหญ่ (สับ)20ช้อนชา

  • เห็ดหอมแห้ง3ดอก

  • น้ำตาลทราย1ช้อนชา

  • น้ำซุป60กรัม

  • โชยุสีอ่อน1ช้อนชา

  • มิโซ15กรัม

  • ไข่แดง1ฟอง

  • ส่วนประกอบขนมปังครูตองซ์มิโซ

  • ขนมปัง3-4แผ่น

  • เนย30กรัม

  • โชยุ½ช้อนชา

  • มิโซ1ช้อนชา

  • แต่งหน้า

  • ต้นหอมญี่ปุ่นแต่งหน้า

วิธีทำ


1.1. ทำเส้น โดยร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ผสมกับเกลือ ใส่น้ำทีละนิด ใช้มือเคล้าให้พอเข้ากัน นวดด้วยอุ้มมือ (แป้งอาจจะยังไม่เข้ากันดี เส้นลักษณะนี้จะมีของเหลวน้อย เส้นจะมีความเหนียว คนญี่ปุ่นนวดเส้นประเภทนี้ด้วยเท้า โดยใส่แป้งที่ยังไม่เข้ากันดีในถุงพลาสติก วางที่พื้น แล้วใช้เท้านวด เพื่อให้น้ำหนักตัวนวด ย่ำไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที พักไว้ 30 นาที แล้วเหยียบอีกทีจนเนียนดี)

2.คลึงแป้งให้บางๆ แล้วใช้มีดตัดเป็นเส้น (ถ้ามีเครื่องทำพาสต้า ใช้เครื่องทำแป้งที่บางสวยๆได้ พลใช้เครื่องรีดแป้งและตัดเป็นเส้นเล็กๆ)

3.นำแป้งไปลวกในน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที หรือจนสุกดี ขึ้นอยู่กับความหนาของเส้น พอสุกดี ให้ล้างด้วยน้ำเย็นเพื่อหยุดความร้อน

4.ทำขนมปังครูตองซ์มิโซ ด้วยการหั่นขนมปังเป็นเต๋าๆ ละลายเนย โชยุและมิโซในกระทะ เอาขนมปังลงไปคลุกเบาๆ ให้เนยมิโซซึมเข้าขนมปัง แล้วเอาไปอบที่อุณหภูมิประมาณ 140-150 องศาเซลเซียส จนขนมปังกรอบและแห้งดี จึงค่อยนำออกมาพัก

5.แช่เห็ดหอมแห้งในน้ำจนนุ่มดี แล้วซอยเป็นชิ้นเล็กๆ

6.ใส่น้ำมันรำข้าวลงในกระทะ ผัดหอมใหญ่สับ เนื้อหมูบดและเห็ดหอม

7.ใส่น้ำซุป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย มิโซและโชยุ

8.พอมิโซละลาย ก็ใส่เส้นลงไปประมาณ 100 กรัม ผัดให้เส้นร้อนดี

9.ยกกระทะออกจากความร้อน ใส่ไข่แดงลงไป คนเบาๆ ตัวซอสจะข้นขึ้นและเกาะติดเส้น

10.ตักใส่จานเสิร์ฟ โรยด้วยขนมปังครูตองซ์มิโซ ตบแต่งด้วยต้นหอมญี่ปุ่น


แสดงความคิดเห็น


Leave a Reply