อยากผอม
#พลอยากเล่า #อยากผอม ล่าสุด พลได้คุยกับนักโภชนาการ ได้มุมมองมากมายในเรื่องการลดน้ำหนัก เราไม่ควรโยงเรื่องการลดน้ำหนักกับความสวยงาม เพราะคนอ้วนที่หล่อที่สวยก็มีเยอะ แต่ให้โยงกับเรื่องสุขภาพดีกว่า เพราะความอ้วนเป็นบ้านของโรค และอ้วนจะมาพร้อมคณะ (ของโรคมากมาย) ไม่ว่าความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันในเลือดต่างๆ เราได้พูดคุยถึงเรื่องของอาหารแฟชั่น (FAD Diet) ที่มาตามแทรน์อย่าง Ketogenic Diet ซึ่งเป็นโภชนาการอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตน้อยมากนั้นว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ต้องสารภาพว่าพลเองไม่เคยกิน Keto เพราะส่วนตัวไม่ชอบทานเนื้อสัตว์เป็นหลัก แต่ก็จะมีเพื่อนๆ รอบตัวที่ทานบ้าง นักโภชนาการได้อธิบายให้เข้าใจว่า หลักๆ แล้ว Keto ก็คือการลดคาร์โบไฮเดรตอย่างหนัก โภชนาการปกติในแต่ละวัน เราได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต 50-60% ในส่วนของ Keto จะลดเหลือไม่เกิน 20% เพื่อให้เห็นภาพ ข้าวสวยหนึ่งทัพพีโภชนาการมีคาร์โบไฮเดรต 18 กรัม นั่นคือที่เราสามารถกินได้ต่อวัน และห้ามกินอย่างอื่นเลยที่มีคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้เห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น เราต้องเข้าใจว่าต้นแบบ Keto มาจากฝรั่ง ซึ่งมีรูปแบบการกินที่เน้นไขมันอยู่แล้ว โภชนาการอาหารอเมริกันเป็นไขมันประมาณ 40% เพราะอาหารของเขาเป็นเนย น้ำมัน พอกินเนื้อก็จะเป็นชิ้นใหญ่ แต่อาหารไทยไขมันอยู่ที่ประมาณ 20% เพราะเราไม่ได้กินเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ คนไทยเรากินข้าวแป้งเป็นหลัก พอลดคาร์โบไฮเดรตก็จะรู้สึกโห เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานเร็วที่สุด รองลงมาก็คือโปรตีน สุดท้ายถึงคือไขมัน หลักการของ Keto คือการลดคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้ร่างกายใช้พลังงานจากไขมัน แต่เราต้องเข้าใจว่าหลักๆ คนเรามีไขมันสองส่วน ที่ช่องท้องกับผิวหนัง ซึ่งเวลาที่ร่างกายจะใช้พลังงานจากไขมัน จะใช้ในส่วนของผิวหนังก่อน ดังนั้น ส่วนของพุงอาจจะไม่ได้ลดลง ทางโภชนาการ การกินแต่ไขมันและโปรตีนทำให้ไขมันในเลือดสูง อาจทำให้เรามีปัญหาเรื่องการขับถ่าย เพราะไม่กินผักผลไม้ หลายๆ คนที่ชอบสูตรนี้ เพราะพฤติกรรมก่อนลดก็ไม่กินผักผลไม้ พอใช้สูตรนี้ ก็เลยรู้สึกง่าย เพราะแค่ตัดแป้งออกไป บวกกับความคิดเดิมๆ ที่คนจะมีความรู้สึกว่า กินข้าวกินแป้งแล้วอ้วน ที่นี้ ในการลดน้ำหนักให้ถูกหลักการทางโภชนาการเป็นอย่างไร และใครที่มีความจำเป็นต้องลด เดี๋ยวพลมาเล่าต่อในครั้งหน้านะครับ ฟัง Podcast ประกอบบทความได้ที่ “Good Diet EP 17 : อาหารลดน้ำหนัก”